วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝึกอังกฤษ เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับแมว

หลายคนอยากพูดภาษาอังกฤษเป็นพยายามฝึกตัวเองด้วยวิธีต่างๆนานาบ้างก็สำเร็จบ้างก็ไม่สำเร็จ ส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จคือเกิดความท้อ ผมเชื่อว่าคนที่สำเร็จคือผู้ที่สามารถเอาชนะความท้อของตัวเองได้เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้ง่ายๆครับ“ท้อได้แต่อย่าถอย”วลีนี้ยังคงใช้ได้กับทุกคนเสมอ การฝึกอังกฤษเราต้องพยายามใช้บ่อยๆ แรกๆอาจจะยากหน่อยแต่พอเริ่มได้ เริ่มเข้าใจแล้วมันจะเริ่มสนุกครับ
ภาษาอังกฤษพอเรารู้จักวิธีการสร้างประโยคแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือคำศัพท์ ยิ่งรู้ศัพท์เยอะยิ่งดี ผมเคยสงสัยว่าเวลาฟังฝรั่งเค้าพูดกันทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสำเนียงแต่อีกส่วนนึงที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าคือคำศัพท์ครับ ผมพยายามหาคำศัพท์เพิ่มเติมให้ตัวเองทุกวันพอผมเริ่มรู้ศัพท์มากขึ้น ผมต้องแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ได้คือจากเมื่อก่อนฟังไม่รู้เรื่องเดี๋ยวนี้กลายเป็นเริ่มเข้าใจ หูกระดิก ตามองเห็นคำศัพท์ลอยเป็นคำๆออกมาจากพี่หรั่ง แหม่...แหล่มจริงๆ(ฮา)
วิธีการฝึกคำศัพท์ก็มีเยอะแยะครับ ไม่ว่าจะดูหนังซับอังกฤษ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ นิตยสารภาษาอังกฤษ นิทานภาษาอังกฤษ และก็อีกมากหมายหลายวิธี บางคนอาจดีหน่อยฝึกยังไงก็เป็น แต่บางคนฝึกยังไงก็ไม่เข้าหัวซักที ถ้าเป็นกรณีนี้ลองดูครับลองหาวิธีที่ตัวเองชอบที่สุดมาซักอย่าง แล้วฝึกแบบเน้นๆไปเลย เหมือนอย่างนิทานวันนี้ที่ผมเลือกมา เป็นเรื่องของเจ้าสุนัขจิ้งจอกกับเจ้าแมวที่คุยโม้โอ้อวดกันว่ายามมีภัยพวกเขามีวิธีการหนีเอาตัวรอดเจ๋งๆอย่างไร ส่วนวิธีการของใครจะได้ผลดีกว่ากันติดตามได้ในนิทานอังกฤษเรื่อง “The Fox And The Cat”


พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice




ศัพท์อังกฤษ

Fox = สุนัขจิ้งจอก
Cat = แมว
Boast = คุยโม้
Clever = เฉลียวฉลาด
Device = อุบาย
Escape = หนี
Enemy = ศัตรู
Trick = เล่ห์เหลี่ยม, เทคนิค
Contain = บรรจุ
Generally = โดยทั่วไป
Manage = จัดการ, ทำให้สำเร็จ
Pack = ฝูง
Hound = สุนัขล่าเนื้อ
Immediately = ทันทีทันใด
Scamper up = รีบวิ่งก้าวถี่ๆ
Bough = กิ่งไม้
Plan = แผนการ
Debate = ใคร่ครวญ, ไตร่ตรอง
Confusion = ความสับสน
Caught up = ตามไล่ทัน, จับได้
Huntsmen = นายพราน
reckon = พิจารณา

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Fox And The Cat
Aesop’s Fable

A Fox was boasting to a Cat of its clever devices for escaping its enemies. "I have a whole bag of tricks," he said, "which contains a hundred ways of escaping my enemies." "I have only one," said the Cat; "but I can generally manage with that." 
Just at that moment they heard the cry of a pack of hounds coming towards them, and the Cat immediately scampered up a tree and hid herself in the boughs. "This is my plan," said the Cat. "What are you going to do?" The Fox thought first of one way, then of another, and while he was debating the hounds came nearer and nearer, and at last the Fox in his confusion was caught up by the hounds and soon killed by the huntsmen.


Moral of Aesops Fable: "Better one safe way than a hundred on which you cannot reckon."





แปลไทย
โดย Aonaen

เจ้าสุนัขจิ้งจอกคุยโม้ให้เจ้าแมวฟังว่ามันมีอุบายทีเฉลียวฉลาดในการหลบหนีศัตรู “ฉันมีเทคนิคเล่ห์เหลี่ยมอยู่เต็มกระเป๋า” สุนัขจิ้งจอกพูด “กระเป๋าที่บรรจุแนวทางการหลบหนีร้อยวิธี” “ฉันมีแค่วิธีเดียว” เจ้าแมวพูด “แต่ฉันมักจะหลบหนีสำเร็จได้ด้วยวิธีนั้น”
แค่เวลาไม่นานพวกมันก็ได้ยินเสียงฝูงหมาล่าเนื้อกำลังตรงเข้ามาแล้วเจ้าแมวก็รีบวิ่งขึ้นไปหลบบนต้นไม้และซ่อนตัวอยู่ในกิ่งไม้ “นี่แหล่ะคือวิธีของฉัน” เจ้าแมวพูด “แล้วนายจะหนียังไง?” สุนัขจิ้งจอกเริ่มคิดวิธีแรก จากนั้นก็คิดวิธีต่อมา ขณะที่มันกำลังคิดไตร่ตรองอยู่นั้น หมาล่าเนื้อก็ใกล้เข้ามา และใกล้เข้ามา เจ้าสุนัขจิ้งจอกสับสนจนท้ายที่สุดมันก็ถูกจับได้ และในไม่ช้าก็ถูกนายพรานปลิดชีวิต


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:  ความอุตสาหะอาจแบ่งให้กันได้แต่ไม่อาจแบ่งของให้กันได้เสมอไป



วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝึกอังกฤษ เรื่อง การแบ่งปันของสิงห์โต

การแบ่งปัน (share) คือสิ่งที่ผมยึดถือมาตั้งแต่สมัยเด็ก (childhood) การแบ่งปันไม่เคยทำให้เราเสียแต่มันมีแต่ได้กับได้ต่างหาก เหมือนอย่างเราซื้อขนมปังมาซักก้อนจะกินคนเดียวอวดเพื่อนๆว่าของข้าอร่อย(delicious) ท่ามกลางสายตาแห่งความหวัง(hope) หลายๆคู่ที่จ้องมองมาที่เรามันก็จะรู้สึกกะไรอยู่ ปากอร่อยจริงแต่ใจไม่อร่อยตามจริงไหม... หากเทียบกับซื้อมาแล้วแบ่งให้เพื่อนๆกินด้วย ถึงแม้เราจะได้กินน้อยลงแต่ก็ได้อร่อยกันหลายคน แถมได้ใจเพื่อนๆ ได้ความรู้สึกดีๆ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าอร่อยจริงอิ่มทั้งกายอิ่มทั้งใจ
ถ้าสิ่งที่เราจะแบ่งนั้นเป็นของของเราแน่นอนว่าถึงแม้จะแบ่งน้อยแบ่งมากก็คนรับก็รู้สึกดี แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ลงทุนลงแรงหามาร่วมกันกรณีแบบนี้ก็ควรจะแบ่งให้เหมาะสมไม่งั้นอาจมีโกรธ(angry)มีเคืองหรืออาจถึงขั้นทะเลาะกันได้ นึกถึงเมื่อก่อนแม่ผมกลับบ้านทีไรจะต้องหิวขนมเต็มไม้เต็มมือมาฝากทุกที ไอ้เราก็มีน้องสาวคนนึงด้วยความหวังดีเกรงว่าน้องโตขึ้นมาแล้วจะอ้วน ดูไม่ดี ความรักที่มีให้น้องอย่างล้นเหลือแสดงออกมาผ่านการแบ่งปันของผม เค้กโตๆชิ้นนั้นมันต้องเป็นของผม! ส่วนของน้องกินนิดเดียวก็พอเดี๋ยวอ้วน!(fat!) น้องผมก็น่ารักนะไม่โวยวายแค่แอบค้อนนิดๆเท่านั้นเอง...ฮ่าๆๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการแบ่งปันของผมมันยุติธรรมมากน้อยแค่ไหนรู้แต่ว่าตอนนี้ผลกรรมตามทันมีผมนั่งอ้วนอยู่คนเดียว! 
วันนี้นิทานฝึกอังกฤษของเราก็เกี่ยวกับการแบ่งปันนี่ล่ะ เป็นเรื่องของสิงโต(lion) ตัวหนึ่งออกล่าเหยื่อกับพวกพ้องคือ สุนัขจิ้งจอก(fox) หมาใน(jackal) และหมาป่า(wolf) เมื่อได้อาหารมา พวกเขาจะแบ่งกันอย่างไร จะยุติธรรมเหมือนอย่างผมแบ่งขนมให้น้องหรือไม่ต้องลองติดตามในนิทานอีสปภาษาอังกฤษเรื่อง "The Lion's Share" เนื้อเรื่องสั้นๆแต่ได้ใจความ แฝงข้อคิดด้วยนะคร๊าบบ!


พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice




ศัพท์อังกฤษ

Hunt = ล่า
Lion = สิงห์โต
Fox = จิ้งจอก
Jackal = หมาใน
Wolf = หมาป่า
Till = จนกระทั่ง
Surprise = จู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัว
Stag = กวางตัวผู้
Life  = ชีวิต
Soon = ในไม่ช้า
Spoil = ของที่ล่ามา
Divide = แบ่ง
Quarter = 1 ใน 4 ส่วน
Roar = แผดเสียง
Animal = เกี่ยวกับสัตว์
Skin = ลอกหนัง
in front of = ข้างหน้า
carcass = ซาก
pronounce = ประกาศ
judgment = การตัดสินใจ
part = ส่วน
capacity = ความสามารถที่จะรับได้
Beast = สัตว์ดุร้าย
Arbiter = ผู้ตัดสิน
Chase = ขับไล่
Dare = กล้า
Paw = อุ้งเท้า, ตะกุย
Lay = วางบน
Upon = บน, เหนือ
Grumble = บ่น
Growl = คำราม
Labour = อุตสาหะ


แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Lion's Share
Aesop’s Fable

     The Lion went once a-hunting along with the Fox, the Jackal, and the Wolf. They hunted and they hunted till at last they surprised a Stag, and soon took its life. Then came the question how the spoil should be divided. "Quarter me this Stag," roared the Lion;
      so the other animals skinned it and cut it into four parts. Then the Lion took his stand in front of the carcass and pronounced judgment: The first quarter is for me in my capacity as King of Beasts; the second is mine as arbiter; another share comes to me for my part in the chase; and as for the fourth quarter, well, as for that, I should like to see which of you will dare to lay a paw upon it!"
"Humph," grumbled the Fox as he walked away with his tail between his legs; but he spoke in a low growl.


Moral of Aesops Fable: "You may share the labours of the great, but you will not share the spoil."




แปลไทย
โดย Aonaen

     ครั้งหนึ่งเจ้าสิงห์โตออกเดินทางไปล่าสัตว์กับสุนัขจิ้งจอก หมาใน และหมาป่า พวกมันล่าและล่าจนกระทั่งสุดท้ายพวกมันได้เข้าจู่โจมกวางตัวหนึ่งและในไม่ช้ามันก็ถูกปลิดชีวิตลง จากนั้นก็มีคำถามตามมาว่าควรจะแบ่งของที่ล่ามายังไง “แบ่งให้ฉัน 1 ในสี่ส่วน” เจ้าสิงโตแผดเสียงออกมา
     ได้ยินดังนั้นพวกสัตว์ที่เหลือจึงลอกหนังออกและแบ่งเป็น 4 ส่วน จากนั้นสิงห์โตก็ไปยืนข้างหน้าซากกวางและประกาศการแบ่ง “ชิ้นแรกเป็นของฉันในฐานะเจ้าป่า ชิ้นที่สองก็เป็นของฉันที่หามาด้วยความอุตสาหะ ส่วนที่สามก็ต้องแบ่งให้ฉันอีกในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการล่า และส่วนที่สี่ เอาล่ะ, เช่นเดียวกัน ฉันอยากจะเห็นว่ามีใครที่กล้าจะเอาเท้าขึ้นมาวางบนนี้บ้าง!” “ฮึ่ม.....” เสียงจากเจ้าสุนัขจิ้งจอกหางตกและเดินจากไปพร้อมคำรามเบาๆ

 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:  ความอุตสาหะอาจแบ่งให้กันได้แต่ไม่อาจแบ่งของให้กันได้เสมอไป




วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝึกอังกฤษ เรื่อง กบสองสหาย

รู้หรือไม่กบรุ่นใหญ่ร้อง “อ๊บๆ...” กบทารกร้อง “อ๊อดๆ...” ฮ่าๆๆ เขียนบล็อกในวันที่ฝนพรำเลยนึกถึงกบขึ้นมาทันที ด้วยเหตุฉะนี้ผมเลยออกเดินทางตามหา สืบหา เสาะแสวงหา! นิทานอีสปภาษาอังกฤษสนุกๆที่เป็นเรื่องกบๆมาให้ ฝึกอังกฤษกัน เนื้อเรื่องแสนสั้นแต่ดันมีข้อคิดซะงั้น ใครมีเวลาน้อยเลือกไม่ถูกว่าจะอ่านเรื่องไหนดีเชิญอ่านเรื่องนี้เลยครับ สั้นแต่อัดแน่นไปด้วยคำศัพท์
“กบสองสหาย” เป็นเรื่องราวของกบสองตัวที่พบว่าบ้านหลังเก่าของพวกมันกำลังจะอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องตัดสินใจออกเดินทางเพื่อหาบ้านหลังใหม่ จะเกิดอะไรกับกบทั้งสองตัวนั้นบ้าง เขาจะเจอบ้านใหม่หรือไม่ เชิญติดตามในนิทานอีสปเรื่อง "The Two Frogs"

พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice




ศัพท์อังกฤษ

Frog = กบ
Dwelt = อาศัย, คำนึงถึง (กริยาช่อง2ของ dwell)
Pool = สระน้ำ
Dry up = ทำให้แห้ง
Heat = ความร้อน
Left = ทิ้งไว้, ปล่อยไว้ (กริยาช่อง2ของ leave)
Set out = เริ่มออกเดินทาง
Together = ด้วยกัน
Another = สิ่งอื่น
Chance = เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
Along = ต่อไป
Deep = ลึก
Well = บ่อน้ำ
Amply = พอเพียง
Supply = เก็บสำรอง
Descend = ลงมา
Abode = ที่อยู่อาศัย
Reply = ตอบกลับ
Caution = ระมัดระวัง
Suppose = สมมุติ
Fail =ผิดพลาด
Depth = ความลึก
Regard = พิจารณา
Consequence = ผลลัพธ์

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Two Frogs
Aesop’s Fable

     Two frogs dwelt in the same pool. The pool being dried up under the summer's heat, they left it and set out together for another home. As they went along they chanced to pass a deep well, amply supplied with water, on seeing which, one of the Frogs said to the other: "Let us descend and make our abode in this well." The other replied with greater caution: "But suppose the water should fail us, how can we get out again from so great a depth?" …


Moral of Aesops Fable: "Do nothing without a regard to the consequences."




แปลไทย
โดย Aonaen

     มีกบสองตัวอาศัยอยู่ในสระน้ำเดียวกัน สระน้ำนั้นกำลังแห้งภายใต้อากาศที่ร้อนระอุในช่วงฤดูร้อน พวกมันทิ้งบ้านหลังเก่าและเริ่มออกเดินทางไปด้วยกันเพื่อหาบ้านหลังใหม่ ขณะที่พวกมันเดินทางอยู่นั้นก็บังเอิญผ่านมาเจอบ่อน้ำลึกแห่งหนี่ง เท่าที่กำลังมองเห็นมันมีน้ำเก็บสำรองเพียงพอ เจ้ากบตัวหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “เราลงไปสร้างที่อยู่อาศัยในบ่อน้ำแห่งนี้กันเถอะ” กบอีกตัวตอบกลับด้วยความระมัดระวังมากกว่าว่า “แล้วถ้าสมมุติน้ำไม่พอสำหรับเราอีกล่ะ เราจะขึ้นมาจากบ่อน้ำที่ลึกขนาดนี้ได้ยังไง?”...


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:  หากจะทำอะไรควรพิจารณาถึงผลลัพธ์นั้นเสียก่อน



ฝึกอังกฤษ เรื่อง มดกับตั๊กแตน

เล่าไปถึงสมัยเรียนประถม จำได้ว่าไปโรงเรียนได้เงินวันละ10บาท ต้องจ่ายค่าเดินทางค่ารถไปกลับในตอนนั้นก็ราวๆ2บาท ป๊าดด!...เทียบกับสมัยนี้คนละเรื่องเลย ค่าอาหารตอนเที่ยงไม่ได้จ่ายเพราะมีสิทธิพิเศษผูกข้าวได้ทานอาหารแสนอร่อย(T_T) ในโรงเรียน หักลบออกเหลือเงินใช้ชิลๆวันละ 8บาท เพียงพอสำหรับซื้อขนมกินเล่นตามประสาเด็กหนุ่มวัยละอ่อน แต่สำหรับผมแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น หุ่นยนต์ Transformers สุดเท่ห์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกล่องสุดหรูสำหรับผมแล้วมันยากเกินเอื้อมเหลือเกิน ราคาตัวนึงปาไปเกือบร้อย แล้วไม่ได้มีตัวเดียวด้วยที่อยากได้ แหม...จะจัดทั้งที่ก็ขอครบเซ็ตจริงไหม ก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำยังไงจะมีเงินซื้อได้ ทำงานหาเงินเหรอ!?...ไม่มีอยู่ในความคิดเลยในตอนนั้น ฮ่าๆ หรือจะขโมยเลยดีมั้ย!!? บ้า...ผมเป็นเด็กดีจะตายไม่ทำอะไรอย่างงั้นหรอก นึกขึ้นได้ว่าคุณพ่อสอนให้ผมเก็บเงินที่เหลือใช้หยอดกระปุกไว้เพื่อฝากเป็นประจำทุกปี  ปิ๊งป่อง!...ทันใดนั้นก็เกิดไอเดียแว๊บขึ้นมาว่า เก็บเพื่อฝากได้ ทำไมเราจะเก็บเพื่อซื้อไม่ได้ ราวกับว่ามีแสงสว่างส่องทะลุผ่านท้องฟ้าอันมืดมิด นับเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งแรกที่ได้เรียนรู้การเก็บออมเพื่อซื้อความฝันเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง
การวางแผน การเตรียมความพร้อม คือสิ่งที่ต่อยอดมาจากการเก็บออม สิ่งเหล่านี้ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่าน เมื่อเข้ามาติดตามที่บล๊อกนี้จะไม่ได้เป็นเพียงการฝึกอังกฤษเท่านั้น  แต่ผมจะพยายามนำเสนอทั้งความรู้ คำศัพท์ ข้อคิดต่างๆ ผ่านนิทานภาษาอังกฤษเรื่องสั้น ให้คุณได้อ่าน ได้สนุกสนานกับการเรียนรู้
นิทานภาษาอังกฤษวันนี้ขอเสนอ...เรื่อง “มดกับตั๊กแตน” ที่ว่ามานี้ไม่ใช่ชีวิตของไข่มดแดงหรือตั๊กแตนทอดในตลาดสดนะครับ(คิดแล้วน้ำลายไหล...) แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิตของของเจ้ามดและเจ้าตั๊กแตน ความแตกต่างของสัตว์ทั้งสองชนิดกับฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะได้ข้อคิดอะไรบ้างในเรื่องนี้ติดตามได้ใน “The Ant And  The Grasshopper”


พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice




ศัพท์อังกฤษ

ant = มด
grasshopper = ตั๊กแตน
field = ทุ่งนา
hop =กระโดดขาเดียว
chirp = เสียงร้องจ๊อกแจ๊ก
sing = ร้องเพลง
to <one’s> heart’s content = จนพอใจ (สำนวนภาษาอังกฤษ)
pass by = เดินผ่าน
bear = แบก, หาม
along = พร้อมกับ
great = มาก, มหาศาล
toil = งานหนัก
ear of corn = รวงข้าวโพด
nest = รัง
chat = พูดคุย
moil = งานเหนื่อยยาก
in that way = อย่างนั้น, แบบนั้น
lay up = เก็บไว้ใช้
winter = ฤดูหนาว
recommend = แนะนำ
same = เหมือนกัน
bother = ตัวก่อปัญหา
plenty = จำนวนมาก
present = ปัจจุบันนี้
continue = ดำเนินต่อไป
itself = ตัวมันเอง
dying = กำลังจะตาย
hunger = ความหิว
distribute  =แจกจ่าย
grain = เมล็ด
store = คลัง
collect = สะสม
summer = ฤดูร้อน
prepare = เตรียมพร้อม
necessity = สิ่งจำเป็น

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Ant and the Grasshopper
Aesop’s Fable

     In a field one summer's day a Grasshopper was hopping about, chirping and singing to its heart's content. An Ant passed by, bearing along with great toil an ear of corn he was taking to the nest.

"Why not come and chat with me," said the Grasshopper, "instead of toiling and moiling in that way?"

"I am helping to lay up food for the winter," said the Ant, "and recommend you to do the same."

"Why bother about winter?" said the Grasshopper; “We have got plenty of food at present." But the Ant went on its way and continued its toil.

When the winter came the Grasshopper had no food and found itself dying of hunger, while it saw the ants distributing every day corn and grain from the stores they had collected in the summer. Then the Grasshopper knew:


Moral of Aesops Fable: "It is best to prepare for the days of necessity."




แปลไทย
โดย Aonaen

     ในฤดูร้อนกลางทุ่งนาแห่งหนึ่ง เจ้าตั๊กแตนกำลังกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงร้องเพลงอย่างพึงพอใจ มีมดตัวหนึ่งเดินผ่านมาพร้อมแบกงานที่หนักอึ้งนั่นคือรวงข้าวโพดนั่นเอง เจ้ามดกำลังขนไปไว้ในรัง
ทำไมเจ้าไม่มาคุยกับฉันก่อนล่ะเจ้าตั๊กแตนเอ่ยขึ้นมา แทนที่จะไปทำงานหนักและเหนื่อยยากอย่างนั้น?”

ฉันกำลังช่วยกันเก็บอาหารไว้กินตอนฤดูหนาวเจ้ามดพูด และฉันแนะนำว่าเธอก็ควรจะทำเหมือนกัน

ทำไม ฤดูหนาวมีปัญหาอะไรเหรอ?” เจ้าตั๊กแตนพูด เรามีอาหารอยู่มากมายเลยในตอนนี้ แต่เจ้ามดก็ทำงานของมันต่อไป

เมื่อฤดูหนาวมาถึง เจ้าตั๊กแตนไม่มีอาหารและพบว่าตัวมันเองกำลังจะตายเพราะความหิว ในขณะที่เห็นพวกมดกำลังแจกจ่ายข้าวโพด เมล็ดพืชให้ได้กินกันทุกวันจากคลังที่พวกมันเก็บสะสมไว้ตั้งแต่ฤดูร้อน จากนั้นเจ้าตั๊กแตนจึงได้เข้าใจ


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:  การรู้จักเตรียมความพร้อมในสิ่งที่จำเป็นคือสิ่งสำคัญที่สุด



วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝึกอังกฤษ เรื่อง เด็กน้อยจอมเกเร ตอนที่ 2

     ฝึกอังกฤษวันนี้มาติดตามกันต่อกับนิทานเรื่อง "เด็กน้อยจอมเกเร ตอนที่ 2" จากความเดิมตอนที่แล้ว เฒ่ากวีได้พบกับเด็กน้อยและช่วยเขาให้พ้นจากพายุบ้าคลั่งด้วยการพาเข้าไปหลบในห้องอุ่นๆและอาหารแสนอร่อยมากมาย เด็กน้อยผู้น่าสงสารได้รับการดูแลจากเฒ่ากวีเป็นอย่างดี จนเขาสามารถกลับมาแข็งได้อีกครั้ง แต่นั่นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องเท่านั้น เขาจะตอบแทนผู้มีพระคุณของเขาอย่างไร ดูจากชื่อเรื่องแล้วเด็กเกเรยังไม่เผยตัวออกมาให้เห็น อีกไม่นานเราจะได้รู้กันว่าใครที่เกเรและมีพฤติกรรมของความเกเรยังไงบ้าง มาต่อกันเลยกับตอนที่ 2 ของ "The Naughty Boy"


พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice




ศัพท์อังกฤษ

lie = วางนอนบนพื้น
shoot = ยิง
assure = ทำให้มั่นใจ
weather = สภาพอากาศ
indeed = อย่างแท้จริง, แต่โดยดี
hurt = เสียหาย
string = สาย, เชือก
tight = แน่น
directly = ทันทีทันใด
bent = งอ, คดโกง
aim = เล็ง, ตั้งใจ
treated  = เลี้ยง, ปฎิบัติ
kindly = อ่อนโยน
earth = พื้นดิน, มนุษย์, โลก
wept = คร่ำครวญขณะที่ร้องไห้ (กริยาช่อง2ของ weep)
flown = บิน, ลอย (กริยาช่อง2ของ fly)
fie! =โธ่! (คำอุทานแสดงความไม่พอใจ)
cause = ทำให้เกิด
sorrow  = ความเศร้าใจ
heartache = ความเสียใจ
relate =  เล่าเรื่อง
heed = เอาใจใส่
fool = โง่
astonishingly = อย่างน่าประหลาด
cunning = ความเจ้าเล่ห์
university = มหาวิทยาลัย
lecture =  การบรรยาย
impossible = เป็นไปไม่ได้
unperceived = ไม่สามารถรับรู้ได้
thrust = ผลัก, แทง
bosom = หน้าอก
maiden = สาวโสด
church = โบสถ์
forever = ตลอดไป
ill-behave = ประพฤติตัวแย่

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Naughty Boy (Part 2)
by Hans Christian Andersen

     "My name is Cupid," answered the boy. "Don't you know me? There lies my bow; it shoots well, I can assure you! Look, the weather is now clearing up, and the moon is shining clear again through the window."

"Why, your bow is quite spoiled," said the old poet.

"That were sad indeed," said the boy, and he took the bow in his hand and examined it on every side. "Oh, it is dry again, and is not hurt at all; the string is quite tight. I will try it directly." And he bent his bow, took aim, and shot an arrow at the old poet, right into his heart. "You see now that my bow was not spoiled," said he laughing; and away he ran.

The naughty boy, to shoot the old poet in that way; he who had taken him into his warm room, who had treated him so kindly, and who had given him warm wine and the very best apples!

The poor poet lay on the earth and wept, for the arrow had really flown into his heart.

"Fie!" said he. "How naughty a boy Cupid is! I will tell all children about him, that they may take care and not play with him, for he will only cause them sorrow and many a heartache."

And all good children to whom he related this story, took great heed of this naughty Cupid; but he made fools of them still, for he is astonishingly cunning. When the university students come from the lectures, he runs beside them in a black coat, and with a book under his arm;and then, unperceived, he thrusts an arrow to their bosom. When the young maidens go to church to be confirmed, there he is again close behind them. Yes, he is forever following people, you must never have anything to do with him. He is forever running after everybody. Only think!, a thing of that sort we never forget. Fie, naughty Cupid! Now you know him, and you know, too, how ill-behaved he is!




แปลไทย
โดย Aonaen

     “ผมชื่อคิวปิด” เด็กน้อยตอบ “คุณไม่รู้จักผมใช่มั้ย? ที่วางอยู่นี่คือธนูของผมเองมันยิงดีมากผมรับรองได้! ดูสิ ท้องฟ้ากำลังเปิด พระจันทร์ส่องแสงสว่างอีกครั้งผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง 

“ทำไมธนูของเธอถึงพังล่ะ” กวีเฒ่าพูดขึ้นมา 

“มันเป็นความจริงที่น่าเศร้า” เด็กน้อยกล่าวพร้อมหยิบธนูมาไว้ในมือแล้วตรวจดูรอบด้าน “อ้าว มันแห้งแล้วนี่ ไม่เสียหายเลยด้วย สายธนูตึงใช้ได้ ผมจะลองดูเดี๋ยวนี้เลย” ว่าแล้วก็ง้างธนู เล็ง และยิงไปที่กวีเฒ่า ลูกธนูพุ่งตรงเข้าที่หัวใจของเขา “ตอนนี้คุณเห็นรึยังว่าธนูผมไม่ได้พัง” เด็กน้อยพูดพร้อมหัวเราะแล้ววิ่งจากไป 

เจ้าเด็กเกเรคนนี้ได้ยิงกวีเฒ่าผู้ซึ่งพาเขาไปหลบในห้องอุ่นๆ จัดหาอาหารมาให้ด้วยความใจดี และเป็นผู้ให้น้ำองุ่นกับแอ๊พเปิ้ลที่ดีที่สุดให้กับเขา” 

กวีผู้น่าสงสารนอนลงบนพื้นร้องไห้คร่ำครวญให้กับลูกธนูที่ลอยพุ่งเข้ามาแทงหัวใจของเขา 

“โธ่!” กวีเฒ่าพูด “ช่างเกเรอะไรอย่างงี้คิวปิด! ฉันจะบอกเด็กทุกคนให้รู้เกี่ยวกับเขา เด็กๆจะได้ดูแลตัวเองและไม่เล่นกับเขา ไม่งั้นเขาคงจะทำให้เด็กๆต้องเศร้าและเสียใจมาก 

เอาล่ะเด็กดีทุกคนที่ได้ฟังเรื่องเล่านี้ การที่เอาใจใส่ดูแลเด็กเกเรคนนั้นทำให้เขากลายเป็นคนโง่ สำหรับเขาแล้วมันคือความเจ้าเล่ห์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก, เมื่อเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยกลับจากการฟังบรรยายเด็กเกเรคนนั้นได้วิ่งมาอยู่ข้างๆในชุดสีดำกับหนังสือที่หนีบไว้ใต้ หลังจากนั้นไม่ทันได้รู้ตัวพวกเขาก็โดนลูกธนูแทงเข้าที่หน้าอก, ขณะที่เหล่าหญิงสาวเดินทางไปที่โบสถ์เพื่อรับการยืนยันก็มีเด็กเกเรคนนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลัง ใช่แล้วเขาจะตามผู้คนตลอดไป คุณไม่จำเป็นต้องมีสี่งที่เคยทำกับเขา เขาจะตามคุณทุกไปตลอด เพียงแค่คิด! สี่งที่เกิดขึ้นนั้นพวกเราไม่เคยลืม โธ่เอ้ย คิวปิดจอมเกเร ตอนนี้คุณได้รู้จักเขาแล้ว และคุณก็รู้ด้วยว่าเขามีพฤติกรรมแย่ๆยังไงบ้าง



ฝึกอังกฤษ เรื่อง เด็กน้อยจอมเกเร ตอนที่ 1

     สมัยเรียน(school age)ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าค้นหามากที่่่สุดสำหรับผม สิ่งที่ได้พบ ได้เห็น ได้เรียนรู้ ล้วนเป็นประสบการณ์(experience)ที่แปลกใหม่ โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้รู้จักการเข้าสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง(especially)บรรยาการในห้องเรียนเล็กๆที่แสนจะวุ่นวาย เด็กน้อยมากหน้าหลายตาต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน มีเพื่อนๆนักเรียน(schoolfellow)อยู่เต็มไปหมด กลุ่มที่นั่งด้านหน้าเรียกกันว่าเป็นเด็กเรียน ส่วนด้านหลังแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นศูนย์รวมของความเกเร(naughty) แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงมุมมองเท่านั้น ผมเองก็นั่งหลังห้องตลอดแต่ไม่ได้เกเรแถมเป็นเด็กที่ตั้งใจสุดๆด้วย(ถ้าไม่หลอกตัวเอง ฮา)
     ผมรู้จักเพื่อนๆที่ตั้งใจเรียนน้อยหรือเด็กเกเรอยู่มากมายหลายคน ในแต่ละปีถึงแม้ว่าโรงเรียนจะมีการสับเปลี่ยนห้องคละเด็กนักเรียนยังไงก็จะมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่ทำตัวเป็นขาใหญ่คอยคุมโซนหลังห้องเสมอ พวกเด็กเกเรมักจะมีพฤติกรรมคล้ายๆกันคือ พยายามนั่งหลังสุดเท่าที่จะทำได้ และชอบแกล้งเพื่อนเป็นงานอดิเรก กวนคนนู้นที แหย่คนนี้ที ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแกล้งคนอื่นแล้วมันสนุกตรงไหน สู้แอบเอาเกมส์มาเล่นหลังห้องแบบผมก็ไม่ได้ o_O!
     ถึงอย่างไรก็ตาม(however)ผลการเรียน(school record)จะดีหรือไม่ดีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนั่งมุมไหน หน้าห้อง หลังห้องก็เหมือนๆกัน หากแต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราต่างหาก การเรียนการสอน(schooling)ที่ดีจากคุณครู ค่าเล่าเรียน(schoolfee)ที่ผู้ปกครองทำงานเหนื่อยยากลำบากมาให้ บวกกับความตั้งใจและความพยายามของเรา เชื่อได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดีแน่นอนครับ
     พูดถึงเรื่องความเกเรต้องฝึกอังกฤษกับนิทานเรื่องนี้เลยครับ "เด็กน้อยจอมเกเร" เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กน้อยผู้น่าสงสารกับกวีเฒ่าผู้ใจดี ที่มีเหตุการณ์นำพาให้เขามาพบกัน จะเกิดเหตุการณ์อะไรกับเขาทั้งสองบ้างลองติดตามได้ในนิทานภาษาอังกฤษเรื่อง "The Naughty Boy"


พื้นฐานที่ควรรู้ Present TensePast TenseFuture TensePassive Voice





ศัพท์อังกฤษ

naughty = เกเร
poet = นักกวี
thoroughly = อย่างที่สุด
dreadful = น่าสะพรึงกลัว
arose = บังเกิด, เกิดขึ้น
stream = ไหลอย่างต่อเนื่อง
comfortable = สะดวกสบาย
chimney-comer = ปล่องไฟ
blaze = เปลวไฟ
roast = ย่าง
hiss = ส่งเสียงฟู่
wet = เปียก
skin = ผิวหนัง
exclaim = ร้องอุทาน
suddenly = ทันทีทันใด
admittance = อนุญาตให้เข้า
pour down = เทลงมา
rattle = ส่งเสียงรัว
quite = ค่อนข้าง
naked = เปลือย
golden = สีทอง
tremble = สั่น
certainly = อย่างแน่นอน
perish = พังทลาย
frightful = น่ากลัว, น่าขนลุก
tempest = พายุหิมะ 
restore = ฟื้นฟู
thee = ท่าน, เจ้า (คำโบราณ)
shalt = ควรจะ (คำโบราณ)
thou = เธอ, เจ้า (คำโบราณ)
verily = อย่างแท้จริง (คำโบราณ)
charm = มีสเน่ห์, น่ารัก
bright = สว่างจ้า, สีฉูดฉาด
although = ถึงแม้ว่า
trickle = หยด, ไหลริน
wave = คลื่น
curl = ผมเป็นลอน
exactly = อย่างถูกต้อง
pale = ซีด 
bow = คันธนู
arrow = ลูกธนู
spoil = ทำให้เสียหาย
tint = สีอ่อน
ran into = ทิ่ม, ปัก
seat = จัดให้นั่ง
beside = อยู่ด้านข้าง
hearth = พื้นเตา, ส่วนล่างของเตาเผา
fellow = เจ้าหนู (คำที่ใช้เรียกเด็กผู้ชาย)
squeeze = บีบ, คั้น
drip = หยด
boil = เดือด
recover = ได้คืน
grew = เติบโต (กริยาช่อง2ของ grow)
rosy = สีกุหลาบ
merry = ร่าเริง

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)






The Naughty Boy (Part 1)
by Hans Christian Andersen

     Along time ago, there lived an old poet, a thoroughly kind old poet. As he was sitting one evening in his room, a dreadful storm arose without, and the rain streamed down from heaven; but the old poet sat warm and comfortable in his chimney-comer, where the fire blazed and the roasting apple hissed.

"Those who have not a roof over their heads will be wetted to the skin," said the good old poet.

"Oh let me in! Let me in! I am cold, and I'm so wet!" exclaimed suddenly a child that stood crying at the door and knocking for admittance, while the rain poured down, and the wind made all the windows rattle. 

"Poor thing!" said the old poet, as he went to open the door. There stood a little boy, quite naked, and the water ran down from his long golden hair; he trembled with cold, and had he not come into a warm room he would most certainly have perished in the frightful tempest.

"Poor child!" said the old poet, as he took the boy by the hand. "Come in, come in, and I will soon restore thee! Thou shalt have wine and roasted apples, for thou art verily a charming child!" And the boy was so really. His eyes were like two bright stars; and although the water trickled down his hair, it waved in beautiful curls. He looked exactly like a little angel, but he was so pale, and his whole body trembled with cold. He had a nice little bow in his hand, but it was quite spoiled by the rain, and the tints of his many-colored arrows ran one into the other.

The old poet seated himself beside his hearth, and took the little fellow on his lap; he squeezed the water out of his dripping hair, warmed his hands between his own, and boiled for him some sweet wine. Then the boy recovered, his cheeks again grew rosy, he jumped down from the lap where he was sitting, and danced round the kind old poet.

 "You are a merry fellow," said the old man. "What's your name?"



....To be continued ....




แปลไทย
โดย Aonaen

     กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนักกวีเฒ่าผู้มีความเมตตาอาศัยอยู่ เย็นวันหนึ่งขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในห้อง ข้างนอกได้เกิดพายุที่น่าสะพรึงกลัว ฝนจากสวรรค์ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กวีเฒ่าก็นั่งอย่างสบายและอบอุ่นอยู่หน้าปล่องไฟที่ลุกโชนและเสียงแอ๊พเปิ้ลย่างดังฟู่ๆ 

“ใครที่ไม่มีหลังคาคลุมหัวตัวของเขาคงจะเปียกปอนเป็นแน่” กวีเฒ่าพูด 

“โอ้...ให้ผมเข้าไปหน่อยเถอะ ผมหนาวและตัวเปียกไปหมดแล้ว” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงอุทานดังขึ้นจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร้องไห้ที่หน้าประตูเคาะเพื่อขอเข้าไปข้างในขณะที่ฝนเทลงมาและลมก็พัดแรงจนทำให้หน้าต่างทุกบานมีเสียงสั่นรัว

“ช่างน่าสงสาร!” กวีเฒ่าพูดระหว่างที่กำลังเดินไปเปิดประตู เด็กผู้ชายตัวเปลือยเปล่าน้ำฝนไหลลงมาจากผมยาวสีทอง เด็กน้อยสั่นเทาด้วยความหนาว ถ้าไม่ได้หลบในห้องอุ่นๆ แน่นอนที่สุดว่าเขาคงต้องสลายหายไปกับพายุที่น่าสะพรึงกลัวนี้แน่ 

“เด็กน้อยผู้น่าสงสาร” กวีเฒ่าพูดขณะที่เขาจูงมือเด็กน้อยเข้ามา “เข้ามา เข้ามา ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแรงดังเดิม” เจ้าควรจะได้ดื่มน้ำองุ่นกับแอ๊พเปิ้ลย่าง, นี่สำหรับเจ้า เด็กน้อยผู้แสนน่ารัก” เด็กน้อยดูท่าทางจริงใจ ตาทั้งคู่เปล่งประกายดุจดวงดาว ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหยดลงมาจากผมแต่มันก็ดูเหมือนเป็นคลื่นลอนที่สวยงาม เหมือนเทวดาตัวน้อยแต่เขาดูซีดมากและร่างกายก็สั่นเทาด้วยความหนาว เขามีคันธนูสวยงามด้ามเล็กอยู่ในมือแต่ทว่าฝนได้ทำให้มันเสียหายไปแล้ว มีลูกธนูสีสดใสหลากสีแต่มีลูกนึงที่เป็นสีอ่อนปักอยู่

กวีเฒ่านั่งลงข้างเตาไฟ พร้อมทั้งอุ้มเจ้าหนูตัวน้อยมานั่งบนตัก เขาบีบน้ำออกจากผมที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาประกบมือของเด็กน้อยเพื่อให้ความอบอุ่น และต้มน้ำองุ่นหวานให้ด้วย จากนั้นเด็กน้อยก็เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ แก้มทั้งสองข้างกลับมามีสีเหมือนกุหลาบกำลังผลิบานอีกครั้ง เด็กน้อยกระโดดลงจากตัก กระโดดโลดเต้นไปรอบๆตัวของกวีเฒ่าผู้ใจดี 

“ร่าเริงเลยนะเจ้าหนู” กวีเฒ่าพูด “เธอชื่ออะไร?”



....โปรดติดตามตอนต่อไป....

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝึกอังกฤษ เรื่อง เจ้าหญิงกับฝักถั่ว

ฝึกอังกฤษด้วยการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ  เนื้อเรื่องสนุกสนาน คำศัพท์ไม่ยากเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ อ่านแล้วเพลิดเพลินพร้อมทั้งได้ข้อคิด เพื่อความสะดวกและต่อเนื่องในการอ่านจะมีการอธิบายความหมายของคำศัพท์ก่อนทำให้ผู้อ่านไม่ต้องเสียเวลาเปิดดิกชันนารี
นิทานภาษาอังกฤษวันนี้เรื่อง "เจ้าหญิงกับฝักถั่ว" เมื่อเจ้าชายต้องการอภิเษกสมรส และหญิงสาวผู้นั้นจะต้องเป็นเจ้าหญิงจริงๆ ราชินีจะมีวิธีการยังไงที่จะทำให้รู้ว่าหญิงสาวคนไหนคือเจ้าหญิงตัวจริง ติดตามได้ใน "The Princess And Pea"
วิธีจำคำศัพท์มีอยู่สองวิธีคือ อ่านแล้วจำไปตามเนื้อเรื่องหรืออีกวิธีหนึ่งที่ผมแนะนำคือ จำคำศัพท์ก่อนพยายามทำความเข้าใจกับความหมายและอารมณ์ของคำศัพท์ที่ต้องการจะสื่อ หลังจากนั้นค่อยเริ่มอ่านเนื้อเรื่องจะทำให้เข้าใจการใช้ศัพท์นั้นๆได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเหมาะกับวิธีไหน ยังไงก็ลองฝึกดูนะครับ

พื้นฐานที่ควรรู้ Present Tense, Past Tense, Future Tense, Passive Voice 


ศัพท์อังกฤษ

Once upon a time = กาลครั้งหนึ่ง
Prince = เจ้าชาย
Princess = เจ้าหญิง
Pea = ฝักถั่ว
Marry = แต่งงาน
Real = จริงใจ, แท้จริง
Travel = เดินทาง
All over the world = ทุกหนทุกแห่ง
Nowhere = ไม่มีที่ไหน
Enough = จำนวนที่เพียงพอ
Whether = หรือไม่
Terrible = ร้ายแรง, น่ากลัว
Storm = พายุ
Thunder = ฟ้าร้อง
Lightning = ฟ้าผ่า
Pour down = เทลงมา
Torrent = กระแสน้ำเชี่ยว
Suddenly = ทันใดนั้น
Knock = เคาะ
Heard = ได้ยิน (กริยาช่อง2ของ hear)
Gate = ประตู รั้ว
in front of = ตรงข้างหน้า
Good gracious! = แม่เจ้า! (คำอุทาน)
sight = ภาพ, สิ่งที่มองเห็น
Ran down = ไหลลง (กริยาช่อง2ของ run down)
Clothes = เสื้อผ้า
Toe = นิ้วเท้า. ปลายเท้า
Shoe = รองเท้า
Heel = ส้นเท้า. ส้นรองเท้า
Yet = ยัง
Soon = ในไม่ช้า
Find out = ค้นพบ. รู้ความจริง
Took = นำไป. พาไป. เอาไป (กริยาช่อง2ของ take)
Bedding = เครื่องนอน
Bedstead = โครงเตียงนอน
Laid = จัดวาง (กริยาช่อง2ของ lay)
Mattress = ที่นอน
Badly = ไม่ดี
Scarcely = แทบจะไม่
Heaven = สวรรค์
So that = เพื่อว่า. เพื่อที่จะ
Horrible = แย่มากๆ
Felt = รู้สึก (กริยาช่อง2ของ feel)
right through = ทะลุทะลวง
sensitive = ไวต่อสิ่งกระตุ้น
museum = พิพิธภัณฑ์
stolen = ขโมย (กริยาช่อง3ของ steal)

แนะนำแอพจดศัพท์ท่องจำด้วยเกมส์ (Play Store)





The Princess and the Pea
by Hans Christian Andersen
   
     Once upon a time there was a prince who wanted to marry a princess; but she would have to be a real princess. He travelled all over the world to find one, but nowhere could he get what he wanted. There were princesses enough, but it was difficult to find out whether they were real ones. So he came home again and was sad.

One evening a terrible storm came on; there was thunder and lightning, and the rain poured down in torrents. Suddenly a knocking was heard at the gate, and the old king went to open it.It was a princess standing out there in front of the gate. But, good gracious! what a sight the terrible storm had made her look. The water ran down from her hair and clothes; it ran down into the toes of her shoes and out again at the heels. And yet she said that she was a real princess.

“Well, we’ll soon find that out,” thought the old queen. But she said nothing, went into the bed-room, took all the bedding off the bedstead, and laid a pea on the bottom; then she took twenty mattresses and laid them on the pea, and then twenty eider-down beds on top of the mattresses. On this the princess had to lie all night. In the morning she was asked how she had slept.

“Oh, very badly!” said she. “I have scarcely closed my eyes all night. Heaven only knows what was in the bed, but I was lying on something hard. It’s horrible!”

Now they knew that she was a real princess because she had felt the pea right through the twenty mattresses and the twenty eider-down beds. Nobody but a real princess could be as sensitive as that.

So the prince took her for his wife, for now he knew that he had a real princess; and the pea was put in the museum, where it may still be seen, if no one has stolen it.




แปลไทย
โดย Aonaen

     กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าชายพระองค์หนึ่งต้องการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่จะอภิเษกสมรสด้วยนั้นจะต้องเป็นเจ้าหญิงจริงๆ พระองค์จึงได้ออกเดินทางไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่มีที่ใดที่พระองค์ได้ในสิ่งที่ต้องการ มีเจ้าหญิงอยู่มากพอแต่ก็ยากที่จะรู้ได้ว่ามีผู้ที่เป็นเจ้าหญิงจริงๆหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เจ้าชายจึงเดินทางกลับด้วยความเศร้าใจ

บ่ายวันหนึ่งเกิดมีพายุที่น่ากลัวเคลื่อนตัวเข้ามา มีทั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่า ฝนเทลงมาในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขั้น มีเจ้าหญิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู แต่...แม่เจ้า! สิ่งที่เห็นนี่คืออะไรพายุที่โหมกระหน่ำทำให้เธอมีสภาพอย่างงี้เชียวหรือ น้ำฝนไหลลงจากผมและเสื้อผ้าของเธอ ไหลผ่านลงไปยังปลายเท้า รองเท้าลงไปจนถึงส้นรองเท้า มิหนำซ้ำเธอยังบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริงอีกต่างหาก

“ดี, เราจะได้รู้ความจริงในไม่ช้า” ราชินีคิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ราชินีเดินเข้าไปในห้องนอน อาเครื่องนอนทั้งหมดออกจากเตียงแล้ววางฝักถั่วไว้ด้านล่าง จากนั้นเธอก็เอาที่นอนยี่สิบชั้นวางทับฝักถั่วไว้และทับด้วยผ้านวมยี่สิบผืนอีกทีนึง เจ้าหญิงต้องนอนบนนั้นทั้งคืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นราชินีได้ถามเจ้าหญิงว่าเธอนอนบนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

“โอ้ ไม่ดีเลยเพคะ” เจ้าหญิงตอบ “หม่อมฉันแทบจะหลับตาไม่ลง มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าอะไรอยู่ในเตียงนั่น หม่อมฉันเหมือนนอนทับบางอย่างที่แข็งๆมันแย่มากๆ

ตอนนี้ราชินีรู้แล้วว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริงเพราะเธอรู้สึกทะลุทะลวงลงไปถึงฝักถั่วในที่นอนยี่สิบชั้นกับผ้านวมยี่สิบผืน ไม่มีใครที่สามารถไวต่อความรู้สึกเช่นนั้นได้นอกจากเจ้าหญิง

ดังนั้น เจ้าชายจึงได้รับเธอคนนั้นมาเป็นเจ้าหญิงของพระองค์ ในตอนนี้พระองค์รู้แล้วว่าได้เจ้าหญิงตัวจริงมาเป็นคู่ครอง และถั่วฝักนั้นก็ได้ถูกนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่อาจจะยังคงมีให้เห็นอยู่ก็ได้ถ้าไม่มีใครขโมยมันไปก่อน